รู้ไว้ (ก็ดี) เรียนรู้ก่อนที่จะมีสระว่ายน้ำ
- 1950 เข้าชม
- 27 สิงหาคม 2560
ก่อนที่คุณจะคิดลงมือสร้างสระว่ายน้ำเพื่อไว้พักผ่อนและออกกำลังกายในบ้านก็ควรมารู้อะไรที่เกี่ยวกับสระว่ายน้ำกันเสียก่อน โดยทั่วไปสามารถแบ่งประเภทของสระว่ายน้ำตามลักษณะการก่อสร้างได้เป็น 2 แบบคือ 1. สระว่ายน้ำคอนกรีต โครงสร้างของพื้นและผนังของสระจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมด การติดตั้งกระเบื้องจึงเหมือนกับการตกแต่งพื้นผนังโดยทั่วไป จากนั้นก็ทำการติดตั้งเครื่องกรองและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็น ควรออกแบบให้มีบ่อพักน้ำอยู่ในระบบหมุนเวียนด้วย ข้อดีคือแข็งแรง ทนทาน ออกแบบได้หลากหลาย แต่ค่าใช้จ่ายอาจจะสูง 2. สระว่ายน้ำแบบสำเร็จรูป ติดตั้งในพื้นที่ที่เตรียมการไว้ล่วงหน้าได้เลย โครงสร้างจะเป็นเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นกับผนังจะเป็นวัสดุประเภทโพลีเมอร์ที่ผลิตเป็นชิ้นจากโรงงาน อีกวิธีก็คือการขึ้นโครงด้วยเหล็กหรือพลาสติคหล่อ จัดวางระบบหมุนเวียนให้เรียบร้อยจากนั้นก็ปูด้วยผ้าไวนิลที่ผลิตสำหรับการนี้โดยเฉพาะ สระว่ายน้ำแบบนี้คุณต้องทำใจว่าไม่สามารถออกแบบรูปทรงได้หลากหลายนักเพราะผลิตออกมาตามรูปแบบมาตรฐาน ไม่สามารถตกตแต่งลวดลายได้เหมือนกับการปูกระเบื้องสระคอนกรีต แต่ข้อดีที่มีก็คือความรวดเร็วในการก่อสร้างและค่าใช้จ่าย
ระบบหมุนเวียนของสระน้ำนั้นมีอยู่ 2 ระบบด้วยกันคือ ระบบสกิมเมอร์ส่วนใหญ่จะเป็นสระว่ายน้ำแบบสำเร็จรูป ลักษณะที่เห็นได้ชัดคือระดับของน้ำในสระจะไม่ถึงขอบสระ ต่ำกว่าขอบประมาณ 10-20 เซนติเมตร มีช่องสกิมเมอร์ติดอยู่ขอบสระเพื่อขจัดฝุ่นละอองที่ผิวน้ำ น้ำในสระจะถูกดูดผ่านช่องสกิมเมอร์เพื่อไปกรองในกระบวนการบำบัดน้ำ น้ำในสระจะหมุนเวียนผ่านเครื่องกรองและส่งมาที่ตัวสระทางหัวพ่นน้ำที่ติดพ่นไว้ ช่องสกิมเมอร์ทำหน้าที่ดูดสิ่งสกปรกบนผิวน้ำและเป็นที่ต่อสายดูดและแปรงดูดเพื่อทำความสะอาดใต้สระ มีข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ ราคาถูก ส่วนอีกระบบคือระบบโอเวอร์โฟลว์หรือระบบน้ำล้นใช้กับสระแบบคอนกรีตเท่านั้นเพราะต้องออกแบบวางแนวรางน้ำตั้งแต่ขั้นตอนการเทคอนกรีต สระในระบบนี้จะแลดูสวยงามกว่าระบบสกิมเมอร์เพราะเมื่อฝุ่นละอองสัมผัสผิวน้ำแล้วจะล้นออกไป ขั้นตอนของสระระบบนี้คือน้ำจะไหลลงรางระบายน้ำรอบสระไปสู่บ่อพักน้ำ ปั๊มน้ำจะทำหน้าที่สูบน้ำสู่เครื่องกรองเพื่อขจัดความสกปรกหมุนเวียนกันไป ข้อเสียของระบบนี้คงจะหนีไม่พ้นราคาแพงนั่นเองและต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญเท่านั้น เมื่อได้รู้ถึงรูปแบบของสระต่าง ๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือระบบกรองน้ำเพราะมีส่วนสำคัญมากในการหมุนเวียนน้ำซึ่งควรกำหนดระยะเวลาไว้ที่ 5-7 ชั่วโมง ส่วนการถ่ายน้ำเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่นั้นควรจะเป็น 5-10 ครั้งต่อปี
ระบบกรองน้ำที่ใช้ทั่วไปมี 2 แบบคือระบบกรองทราย (Sand Filter) เป็นระบบที่ง่าย ประหยัด เหมาะกับสระโดยทั่วไปเพราะมีหัวมัลติพอร์ทวาล์วคุมการทำงานให้เป็นไปตามที่ต้องการ อีกระบบคือระบบกรองผ้าด้วยผงกรอง (De Filter) มีความละเอียดในการกรองน้ำดีกว่าระบบกรองทราย แต่มีข้อเสียที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเติมผงกรองและผ้ากรอง นอกจากระบบกรองแล้ว การบำบัดน้ำอาจจะมีวิธีอื่น เช่น การเติมน้ำยาปรับสภาพน้ำต่าง ๆ ด้วย เมื่อคุณมีสระว่ายน้ำในบ้านแล้ว สิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงต่อไปก็คือการทำความสะอาด เริ่มต้นจากการตรวจสอบเครื่องกรองให้อยู่ในสภาพดี อย่าให้อุดตันเพราะมันส่งผลต่อความใสของน้ำโดยตรง ใน 1 วันควรเดินเครื่องกรองอย่างน้อย 12 ชั่วโมงสำหรับชนิดผงกรอง สำหรับชนิดที่ใช้ทรายกรองควรจะเพิ่มเป็น 20 ชั่วโมง แต่ไม่ว่าจะชนิดใดถ้ามีคนเล่นน้ำมาก ๆ ควรเพิ่มระยะเวลามากขึ้นอีกและควรทำความสะอาดเมื่อความดันเพิ่มขึ้นเป็น 15 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ส่วนการทำความสะอาดตัวสระนั้น เริ่มจากการตรวจสอบคุณภาพของน้ำด้วยชุดทดสอบน้ำเพื่อตรวจระดับของสารเคมีที่ใส่ลงไปเพื่อควบคุมสภาพน้ำซึ่งก็ได้แก่การตรวจระดับคลอรีนและการตรวจสอบสภาพความเป็นกรดด่างของน้ำ
คลอรีนจะมีหน้าที่ดูแลให้น้ำใส ไม่มีเชื้อโรคและป้องกันไม่ให้มีตะไคร่น้ำ ที่ใช้โดยทั่วไปในสระสำเร็จรูปจะเป็นคลอรีน 60% เพราะจะไม่ไปทำลายผ้าไวนิล ส่วนสระโดยทั่วไปจะใช้คลอรีน 90% ค่าความเข้มข้นจะเป็น 0.80-1.00 PPM แต่ในวันที่มีคนเล่นมาก ช่วงที่ฝนตกบ่อย วันที่แดดจัดอาจจะเพิ่มปริมาณคลอรีนได้ การเติมคลอรีนควรจะเป็นตอนเย็นที่ไม่มีใครใช้สระ ความเป็นกรดเป็นด่างในน้ำนอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้แล้ว ยังส่งผลต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ อีกด้วย หากน้ำเป็นกรด อุปกรณ์โลหะก็จะมีปัญหา แต่หากเป็นด่างน้ำก็จะขุ่นเนื่องจากแร่ธาตุต่าง ๆ ในน้ำจะตกตะกอนและพลอยทำให้กระเบื้องบุสระสกปรกไปด้วย ค่า Ph ที่ดีควรอยู่ที่ 7.20-7.60 เมื่อปรับสภาพน้ำได้เหมาะสมแล้ว ขั้นต่อมาควรมีการดูดตะกอนและเก็บสิ่งสกปรกต่าง ๆ อย่างเศษใบไม้ ขัดตะไคร่น้ำด้วยแปรงด้ามยาวซึ่งมีหัวเป็นไนลอน (สำหรับคราบที่ติดบนกระเบื้อง) และหัวเป็นลวด (สำหรับแนวร่องกระเบื้อง) การทำความสะอาดสระว่ายน้ำนั้นเป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านสามารถทำได้เองโดยไม่ยุ่งยากมากนัก หาซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดและสารเคมีต่าง ๆ ได้จากบริษัทที่ทำการด้านนี้ แต่คุณก็สามารถทุ่นเวลาได้โดยการเรียกบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้เข้ามาจัดการโดยตรง จากที่มา www.hometophit.com